สำหรับโครงการ "ร้อนนี้มีกีฬาเพื่อลูกรัก" จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 30 มี.ค. - 7 พ.ค. นี้ แบ่งเป็นการเรียนการสอนออกเป็นเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเขตกรุงเทพฯ ที่สนามศุภชลาศัย มี 11 ชนิด ได้แก่ กรีฑา, ว่ายน้ำ, ฟุตซอล, แฮนด์บอลชายหาด, เทควันโด, วู๊ดบอล, กอล์ฟ, ยิมนาสติกลีลาและเด็กเล็ก, มวยไทยมวยสากล, เทเบิลเทนนิส และแดนซ์สปอร์ต การเรียนการสอนวันจันทร์-เสาร์ ยกเว้น ว่ายน้ำ ที่จัดให้มีการเรียนในวันอังคาร-อาทิตย์ สำหรับท่านที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2214-0120 ต่อ 8001, 3030 และ 3031 อย่างไรก็ตามในส่วนของภูมิภาค เยาวชนที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สถาบันการพลศึกษา และสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา ทั้ง 75 จังหวัดทั่วประเทศ โดยโครงการดังกล่าวจะเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 2-27 มี.ค.และมีพิธีเปิดพร้อมการปฐมนิเทศวันที่ 28 มี.ค. นี้ นายสมบัติ คุรุพันธ์ เผยว่า สพก.มีความพร้อมและมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำให้เด็ก เยาวชน ที่ไม่มีพื้นฐานด้านกีฬา สามารถเล่นกีฬาได้ เพราะเราดำเนินการโครงการนี้มานาน 15 ปี สำหรับสิ่งแปลกใหม่ในปีนี้คือ สพก. ไม่เน้นเรื่องทักษะกีฬา แต่จะเน้นกระบวนการพัฒนาเด็ก ให้มีความเข้าใจเรื่องกีฬา โดยยึดพื้นฐานจากเพลงกราวกีฬา ที่ว่ากีฬาเป็นยาวิเศษ แก้กองกิเลสทำตนให้เป็นคน พร้อมกันนี้จะบูรณาการเรื่องจริยะธรรม คุณธรรม เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเยาวชน ซึ่งอันนี้นับเป็นเรื่องที่เราเพิ่มให้เด็กได้เรียนรู้ นอกเหนือจากทักษะการเล่นกีฬาที่ถูกต้อง "เราศรัทธาว่ากีฬาจะสร้างคนให้เป็นคนดี 7 ล้านคน คือ เป้าหมายที่จะตั้งเป้าว่าจะต้องเข้าให้ถึง ถ้าเข้าถึงนั่นคือกำไร ของ สพก. เพราะการที่เยาวชนรักและเล่นกีฬาได้เสมือนเป็นการสร้างหลักประกันทางสังคม ว่าเยาวชนที่ผ่านวิถีของการกีฬาจะรู้จักการเป็นผู้นำ และผู้ตาม ที่ดีนอกจากรู้แพ้ ชนะ อภัย เด็กเปรียบเหมือนผ้าขาว อยู่ที่ว่าเราจะแต่งแต้มอะไรให้เขา" |
วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
โครงการกีฬาภาคฤดูร้อน ปี 2552
วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
โปรโมชั่นพิเศษ
โดยแถมฟรีชั่วโมงเรียน สำหรับน้องๆ ที่ชำระเงินค่าคอร์สเทนนิสดังนี้
ชำระเงิน 2 คอร์ส รับเพิ่มฟรีชั่วโมงเรียน 1 ชั่วโมง
ชำระเงิน 3 คอร์ส รับเพิ่มฟรีชั่วโมงเรียน 2 ชั่วโมง
ชำระเงินรายปี รับชั่วโมงเรียนทั้งหมด 57 ชั่วโมง
สอบถามรายละเอียดได้ที่ พี วี เทนนิส ทุกสาขา
วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
นำความรู้มาฝากครับ
การเลี้ยงลูกเชิงบวก
ผู้ใหญ่มักใช้วิธีรับมือกับเด็กด้วยความรุนแรง ด้วยหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเขาได้ แต่หารู้ไม่ว่านี่เป็นวิธีที่ไม่เคยใช้ได้ผล ที่สำคัญคือถือว่าผู้ใหญ่ได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความรุนแรงไปแล้ว
ทว่าจากนี้ไปหนังสือ การสร้างวินัยเชิงบวก:ความเข้าใจที่ถูกต้องและวิธีนำไปใช้ (Positive Discipline:What it is and how to do it) โดย ดร.โจน อี ดูแรนท์ จะเป็นคู่มือเลี้ยงลูกเพื่อเป็นแนวที่ถูกต้องให้กับพ่อแม่
สรรพสิทธิ์ คุมประพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก กล่าวถึงการใช้ความรุนแรงกับเด็กว่า มีนัยยะสำคัญทับซ้อนกันอยู่ 2 ประการ คือ ความรู้สึกต้องการสั่งสอนให้เด็กปรับพฤติกรรม และรองรับอารมณ์ของผู้ปกครอง ซึ่งเด็กไม่เคยเข้าใจว่าทำไมจึงถูกทำร้าย และยังมีผลต่อพฤติกรรมเด็กให้มีความรู้สึกหวาดกลัว กังวล และโกรธแค้นด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถตอบโต้ได้ ทั้งยังทำให้เด็กต่อต้านไม่อยากอยู่ใกล้พ่อแม่ แต่เด็กไม่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างแท้จริง เพราะลับหลังก็ยังเป็นเช่นเดิม
"ไม่ว่าจะเป็นการ ให้รางวัลหรือลงโทษด้วยการตีก็ไม่ส่งผลดีต่อเด็ก แต่สิ่งที่พ่อแม่ต้องทำคือเป็น role model ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น" สรรพสิทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม พัฒนาการด้านอารมณ์ของเด็กแบ่งเป็น 3 ระยะ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ขวบ ในวัยนี้เด็กยังไม่มีพัฒนาการด้านคิดวิเคราะห์ด้วยเหตุผล แต่จะเน้นพัฒนาการด้านอารมณ์พ่อแม่จึงไม่ควรอบรมด้วยการใช้เหตุผล แต่ต้องใช้วิธีดึงความสนใจ ช่วงวัย 6-12 ปี เป็นช่วงที่เริ่มใช้เหตุผล และอายุ 12-18 ปี เด็กวัยนี้ต้องการโต้เถียงด้วยเหตุผล ข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันก็เป็นวัยที่ต้องการการยอมรับจากผู้ใหญ่
ดร.สมบัติ ตาปัญญา นักวิชาการจิตวิทยาคลินิกและผู้แปลฉบับภาษาไทย กล่าวว่า ตลอด ระยะเวลาการทำวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กพบว่า เมื่อเด็กได้รับความรุนแรงพวกเขาจะซึมซับความรุนแรงเหล่านั้น และเมื่อเติบโตก็มีมักจะแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง
" เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้คู่แม้จะเขียนโดยนักวิชาการต่างประเทศแต่ก็ตั้ง อยู่บนพื้นฐานการเลี้ยงดูเด็กที่สามารถนำมาใช้ได้กับสภาพครอบครัวของประเทศ ไทย ซึ่งยังไงมีแนวคิดความเชื่อว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี" ดร.สมบัติ กล่าว
มร.โดมินิก ปิแอร์ ปลาโต้ ที่ปรึกษาระดับภูมิภาคด้านการป้องกันการล่วงละเมิดและการแสวงหาผลประโยชน์ จากเด็ก Save The Children Sweden กล่าวว่า มีเด็กทั่วโลกราวร้อยละ 80-90 ที่ได้รับการลงโทษทางร่างกายและจิตใจ ด้วยเป้าหมายที่ผู้ใหญ่คิดว่านั่นคือ \'การสร้างวินัยให้เด็ก\' และปัญหาการใช้ความรุนแรงกับเด็กก็มิได้เกิดเฉพาะในครอบครัวยากจนหรือใน ประเทศกำลังพัฒนาเท่านั้น แม้แต่เด็กๆ ในประเทศตะวันตกก็เผชิญกับความรุนแรงจากครบครัวเช่นกัน องค์กรฯ จึงได้ร่วมรณรงค์ให้วันที่ 30 เม.ย.ของทุกปี ถือเป็น วันแห่งการยุติการทำร้ายเด็กนานาชาติ International Spank Out Day
สำหรับความหมายที่แท้จริงของ การสร้างวินัยเชิงบวก ก็คือการสอนที่ช่วยให้เด็กประสบความสำเร็จโดยให้ข้อมูลความรู้ และความรักแก่เด็ก รวมถึงการสนับสนุนการเติบโตของพวกเขาโดยไม่ใช้การทำโทษทางร่างกายหรือจิต ใจ เพราะการลงโทษล้วนทำให้เด็กมีความก้าวร้าวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับเด็ก
สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรลืมก็คือ มีเครื่องมืออันทรงพลังอยู่ 2 ประการ นั่นคือ การ ปฏิสัมพันธ์กับลูกอย่างอบอุ่นรักใคร่ และยอมรับ เพื่อเด็กจะได้รู้สึกปลอดภัย ไม่หวาดกลัวว่าจะถูกตำหนิหรือตะหวาดใส่หากเขาทำอะไรผิดพลาด เครื่องมืออีกประการหนึ่งก็คือการสร้างแนวทางสำหรับเด็กที่ไม่ได้หมายถึงการ ลงโทษหรือการขีดกรอบให้เดิน ทว่าแนวทางในที่นี้หมายถึงการให้ข้อมูลและการสื่อสาร
หากการลงโทษคือการหวังผลระยะสั้นเพื่อให้เด็กเปลี่ยนพฤติกรรม การสร้างวินัยเชิงบวก จึงเปรียบเสมือนวิธีรับมือที่พ่อแม่คาดหวังได้ในระยะยาว.